นาโซฟอร์ม โดย รองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิง ดร.พนารัตน์ ขอดแก้ว และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์กฤษณ์ ขวัญเงิน
รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง นวัตกรรมแห่งชาติด้านสังคม ประจำปี พ.ศ. 2557
ในกระบวนการรักษาตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 20 ปี เปรียบเสมือนการไต่บันไดแห่งอุปสรรคทีละขั้น การที่เด็กแต่ละคนจะเติบโตไปเป็นคนที่สมบูรณ์ทั้งกายและใจได้ทุกย่างก้าวต้องทำอย่างมีสติรอบคอบและประณีต ความสำเร็จของนาโซฟอร์มที่เกิดขึ้นจากการรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้จึงเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมาก
ปัจจัยแห่งความสำเร็จข้อแรก คือ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างทีมแพทย์กับครอบครัวผู้ป่วย การให้ข้อมูลอย่างละเอียดถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้นาโซฟอร์ม และการส่งต่อการรักษาในช่วงเวลาทอง ปัจจัยข้อต่อมาคือ ทันตแพทย์เห็นความสำคัญของการรับฟังปัญหาในการจัดการกับอุปกรณ์ที่นำไปสู่การหาทางออกที่ใช้ได้จริง นอกจากนั้นการสื่อสารทางบวกที่เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจที่ส่งไปยังผู้ป่วยและครอบครัวได้นำไปสู่ปัจจัยข้อสุดท้าย คือ การให้ความร่วมมือในการใช้นาโซฟอร์มและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ปัจจัยทั้ง 3 ได้ก่อผลเป็นทัศนคติที่ดีต่ออุปกรณ์นาโซฟอร์ม ภาพของการเป็นเครื่องมือแพทย์ได้เปลี่ยนไปเป็นอุปกรณ์อันทรงคุณค่าที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต
รองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิง ดร.พนารัตน์ ขอดแก้ว อธิบายความรู้สึกของเด็กต่อนาโซฟอร์มดังนี้
“ไม่มีใครรู้สึกสบายขณะใส่นาโซฟอร์มครั้งแรก เปรียบได้กับประสบการณ์การใส่กางเกงของเด็ก ในช่วงต้นพวกเขาอาจมีปฏิกิริยาต่อต้านการใส่บ้าง หากกางเกงที่ใส่พอดีตัวไม่หลวมหลุดง่าย สักพักเขาก็จะเริ่มคุ้นชินและเรียนรู้ถึงประโยชน์ของการใส่มัน เป็นความรู้สึกเช่นเดียวกันกับที่พวกเขามีต่อนาโซฟอร์ม การชมว่าใส่แล้วหล่อ ใส่แล้วสวย รูปทรงจมูกพวกเขาจะเหมือนกับคุณพ่อคุณแม่ คำพูดเหล่านี้ล้วนช่วยส่งเสริมแรงให้พวกเขาใส่นาโซฟอร์มตามที่ทีมแพทย์แนะนำ
การคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่องอะไรไม่เป็นความจริง ง่ายมากที่จะทำให้นาโซฟอร์มหลุด ทำไมเขาจึงไม่ทำ มีเหตุผลเดียว คือ พวกเขาเห็นคุณค่าและประโยชน์ของการใช้มัน กลยุทธ์การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะนำพาให้เด็กเข้าใจสถานการณ์ของตนเองและยอมรับการใส่นาโซฟอร์มเพื่อให้จมูกมีรูปทรงดีขึ้น ภารกิจนี้จะบรรลุผลได้สมาชิกในครอบครัวต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อทีมแพทย์ และมีความเชื่อมั่นใประสิทธิภาพของอุปกรณ์นาโซฟอร์ม
งานนี้ไม่ใช่งานวิจัยพื้นฐาน แต่เป็นภารกิจสกัดองค์ความรู้ออกมาจากการรักษา ผลงานตีพิมพ์ในช่วงต้นจึงอยู่ในกลุ่มรายงานผู้ป่วย เนื้อหาเป็นการนำเสนอเทคนิคและวิธีการที่ทำให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของการรักษาคือผู้ป่วยภาวะปากแหว่งเพดานโหว่มีใบหน้าที่เป็นปกติในช่วงต้นของชีวิตด้วยจำนวนการผ่าตัดแก้ไขปากจมูกที่น้อยครั้งที่สุด นี่เป็นบันไดขั้นแรกที่จะนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การรักษาที่สามารถเปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ไปตลอดกาล นี่คือความฝันของนวัตกร” รองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิง ดร.พนารัตน์ ขอดแก้ว กล่าวในท้ายที่สุด
เพราะเหตุนี้ รอยยิ้มที่สวยงามที่สุดในโลกจึงเป็นรอยยิ้มของเด็กและครอบครัวที่มองย้อนกลับไปในอดีต เป็นรอยยิ้มแห่งความภูมิใจและรู้สึกได้รับพรเมื่อก้าวผ่านบันไดแห่งอุปสรรคไปทีละขั้น จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จกับอนาคตที่สวยงามซึ่งอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม