เป็นที่ทราบกันดีว่า บุหรี่เป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจและหลอดเลือด ไม่เพียงแต่ผู้สูบบุหรี่เท่านั้นที่จะเจ็บป่วยและตายจากพิษควันบุหรี่ ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่แต่อยู่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ หรือผู้สูบบุหรี่มือสอง ก็มีโอกาสเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากบุหรี่ได้เช่นเดียวกัน
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลสุขภาพของนักศึกษาและบุคลากรโดยเฉพาะในเรื่องพิษภัยของบุหรี่ ได้มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ทุกส่วนงานดำเนินการตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 อย่างเคร่งครัด ให้ทุกส่วนงานในสังกัดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นสถานที่ปลอดจากการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังสนับสนุนกิจกรรมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ ให้บุคลากร นักศึกษาได้ตระหนักถึงพิษภัยจากการสูบบุหรี่ สร้างวัฒนธรรมด้านสุขอนามัย ติดป้ายห้ามสูบบุหรี่ในส่วนงาน
การสูบบุหรี่นอกจากทำลายสุขภาพตัวเองและคนรอบข้างแล้ว การเสียเงินซื้อบุหรี่มาสูบ ยังเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น สำหรับผู้ต้องการเลิกบุหรี่มหาวิทยาลัยมีหน่วยงานบริการให้คำปรึกษาเพื่อการเลิกบุหรี่ โดยสามารถขอรับคำปรึกษาในการเลิกบุหรี่ได้ที่
- คลินิกเลิกบุหรี่ ของโครงการสวนดอกปลอดบุหรี่ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โทร. 053-93-5755
- “เภสัชร้านยาพาเลิกบุหรี่” โครงการให้คำปรึกษาในการเลิกบุหรี่ ฟรี ที่ศูนย์ปฏิบัติการเภสัชชุมชน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทร. 0-5394-4333
เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมถึงผู้สูบบุหรี่ทั่วไปให้เลิกจากการสูบบุหรี่ มีบริการให้คำปรึกษากับผู้สนใจทั้งตัวผู้สูบบุหรี่เองหรือคนใกล้ชิด และสร้างความรู้ความเข้าใจต่อขั้นตอนการเลิกบุหรี่ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างสุขภาพชุมชน
นอกจากนี้ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี รณรงค์ให้ประชาชนเห็นถึงอันตรายของบุหรี่ ป้องกันนักสูบหน้าใหม่ รวมทั้งมุ่งให้ผู้ที่สูบได้ลด ละ เลิกการสูบบุหรี่อีกด้วย
“คุณพร้อมเป็นหนึ่งในผู้เลิกบุหรี่แล้วหรือยัง”
ขอบคุณภาพจากคณะเภสัชศาสตร์ มช.