การเข้าถึงพื้นที่สีเขียวของมหาวิทยาลัย

“ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุพผาชาติล้วนงามตา งามล้ำค่านครพิงค์” นี่คือคำขวัญของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่ภาคเหนือของประเทศไทย ร่ำรวยด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมอันสวยงาม เป็นที่ถูกใจของใครหลายคนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะเรื่องของธรรมชาติ พื้นที่สีเขียว รวมถึงพื้นที่สร้างสรรค์ จังหวัดเชียงใหม่มีชื่อเสียงและขึ้นชื่อในด้านนี้มาโดยตลอด
ปัจจุบันเทรนด์การใช้ชีวิตแบบยั่งยืน (Sustainable lifestyles) กำลังเป็นที่นิยมและเป็นแนวทางการพัฒนาในระดับสากล หนึ่งในสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแนวทางนี้ คือการที่มีพื้นที่สีเขียว (Green Space) อยู่ใกล้ตัวเราและเข้าถึงได้ง่าย เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญมากในการดำเนินชีวิตในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกที่อยู่อาศัย สถานที่เรียน สถานที่ทำงาน ซึ่งตอบโจทย์ด้านเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ข้อ 11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน

อ่างแก้ว & ลานสังคีต

อ่างเก็บน้ำที่อยู่คู่มหาวิทยาลัยมากว่า 60 ปี นับเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่สำคัญของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่ใครมาที่เชียงใหม่ ก็จะต้องมาซักครั้ง ด้วยภูมิทัศน์และธรรมชาติที่สวยงาม วิวด้านหลังอ่างแก้วเป็นดอยสุเทพที่สูงตระหง่าน ยิ่งช่วงหน้าฝนจะมีหมอกปกคลุม ทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่รายล้อมรอบอ่างแก้ว พร้อมจุดนั่งพักตลอดทางเดินกว่า 1.6 กิโลเมตร เป็น Landmark สำคัญที่มาได้ทุกวัน ทั้งนักศึกษา และชาวเมืองเชียงใหม่

สันอ่างที่มีเนินเขียวขจี ลาดลงมาติดกับพื้นที่ๆเรียกว่า “ลานสังคีต” หรือที่ชาว มช. เรียก “ลานควายยิ้ม” พื้นหญ้าที่เป็นศูนย์รวมของกิจกรรมมากมาย ทั้งกิจกรรมของนักศึกษาที่จัดเป็นประจำ และกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจในทุกๆเย็น เช่น กีฬาประเภทต่างๆ, พาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น, มาถ่ายรูปเล่น เป็นต้น

สวนสัก

ต่อจากพื้นที่ของ “ลานสังคีต” จะเป็นบริเวณที่เรียกว่า “สวนสัก” ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมพื้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ส่วนนี้ ถึงเรียกว่า “ฝั่งสวนสัก”
พื้นที่ตรงนี้รายล้อมไปด้วยต้นสักสูงใหญ่เต็มบริเวณ ร่มเงาของต้นสักที่มีอายุหลายสิบปีได้ประสานกันจนเป็นหลังคาไว้บังแสงแดด บริเวณนี้จึงมีร่มเงาตลอดเวลา ยิ่งช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ตกดิน แสงจะสาดส่องเป็นแนวสวยงาม สถานที่สำคัญของ มช. ในบริเวณสวนสักนี้ก็คือ ศาลาธรรม อาคารทรงไทยสีแดงตัดสีขาว ที่อยู่คู่กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาตั้งแต่ก่อตั้ง ไว้สำหรับจัดงานพิธีการสำคัญ

อ่างตาดชมพู

เชื่อว่าหลายคนที่มาเยือนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะเข้ามาทางประตูหลังมอ (คณะวิศวะฯ) อาจจะเคยเข้าใจผิดได้ว่าเป็นอ่างแก้ว แต่ที่จริงแล้ว อ่างตาดชมพู ที่ตั้งอยู่หน้าคณะนิติศาสตร์ และถัดจากคณะสื่อสารมวชนฯ เป็นอ่างเก็บน้ำแห่งใหม่ที่สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2559 เพื่อใช้สำหรับกักเก็บน้ำเพิ่มเติมนอกเหนือจากอ่างแก้ว และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ วิ่งออกกำลังกายภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อีกแห่งหนึ่ง
จุดเด่นของอ่างตาดชมพู คือตั้งอยู่ติดตีนเขา ด้านหลังติดกับสวนสัตว์เชียงใหม่ เส้นทางวิ่งความยาวประมาณ 800 เมตรรอบอ่าง มีระดับสูงต่ำเล็กน้อยตามความสูงของพื้นที่ ถ้าโชคดี อาจจะได้เห็นน้องนกยูง จากสวนสัตว์เชียงใหม่ มาเดินเล่น

สวนปาล์ม

สวนแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 และได้ปรับปรุงล่าสุดเมื่อต้นปี พ.ศ. 2567 นี้เอง ชื่อสวนมาจากการที่โดยรอบสวนมีการปลูกต้นปาล์มอยู่ทั่วสวน ต้นไม้สูงใหญ่มากมาย เป็นที่อยู่ของนกและกระรอก พื้นที่สวนตั้งอยู่บนเนินที่มีความสูงต่ำเล็กน้อยทำให้พื้นที่ดูน่าสนใจ เหมาะแก่การวิ่งออกกำลังกาย หรือเดินชมนกชมไม้ ช่วงเช้าหรือเย็นก็มักจะมีผู้คนมาทำกิจกรรมบริเวณข้างสระน้ำ เช่น โยคะ จุดเด่นของสวนนี้คือประติมากรรมคล้ายสุ่มจับปลาขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมสระน้ำ

อุโมงค์ต้นไม้ ข้างสนามรักบี้ (หน้า มช.)

ทางเดินเท้าจากประตูหน้า มช. เข้ามาภายใน มช. จะพบเจอกับเส้นทางเดินที่มีต้นไม้ร่มรื่นสองข้างทาง ยาวประมาณ 800 เมตร / รอบ สร้างความร่มรื่น เลาะไปตามแนวของสนามรักบี้ กลับมาบรรจบที่ลานจอดรถและป้ายรถม่วงหน้า มช.